การเปิดตัวเทคโนโลยีลูกล้ำหน้าใหม่ในศึกระหว่างเรอัล มาดริด และไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต

เทคโนโลยีออฟไซด์กึ่งอัตโนมัติคืออะไรและทำงานอย่างไร?

เทคโนโลยีการล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการยกระดับ VAR ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ผู้ตัดสินสามารถตัดสินการล้ำหน้าได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น เทคโนโลยีขั้นสูงใหม่นี้จะใช้กล้องพิเศษ 12 ตัวที่ติดตั้งบนหลังคาของสนามกีฬาเพื่อระบุตำแหน่งที่แน่นอนของผู้เล่นในสนาม ติดตามลูกบอล และวิเคราะห์จุดต่างๆ ของร่างกายของผู้เล่นแต่ละคนได้ถึง 29 จุด 50 ครั้งต่อวินาที AI จะใช้ในการแปลงจุดข้อมูลจากเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการเคลื่อนไหวแขนขาของผู้เล่นและการติดตามบอล ให้เป็นโมเดล 3 มิติ ซึ่งจะวิเคราะห์สถานการณ์ล้ำหน้าและแจ้งเตือนผู้ช่วยวิดีโอโดยอัตโนมัติหากผู้เล่นอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า

             SAOT จะใช้เป็นครั้งแรกในการแข่งขันยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2022 ระหว่างเรอัลมาดริดและไอน์ทรัคแฟร้งค์เฟิร์ต

อะไรคือความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติและ VAR?

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เทคโนโลยีการล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ (SAOT) เป็นการอัปเกรดของ VAR ดังนั้นจึงมีการปรับปรุงหลายอย่างที่นำเสนอในเทคโนโลยีใหม่นี้ ในขณะที่ VAR สามารถใช้เฉพาะกล้องโทรทัศน์ที่ออกอากาศเพื่อระบุศักยภาพในการล้ำหน้า แต่ SAOT จะรวบรวมข้อมูลจากกล้องที่อยู่บนหลังคาของสนามกีฬาเพื่อระบุสถานการณ์ล้ำหน้า

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตรงกันข้ามกับ VAR ที่มีอยู่ซึ่งใช้เวลาถึง 70 วินาทีในการตรวจสอบการล้ำหน้าในเกมให้เสร็จสิ้น SAOT สามารถระบุการล้ำหน้าที่เป็นไปได้ภายใน 15 ถึง 25 วินาที และยิ่งน้อยกว่านั้นหากเหตุการณ์นั้นสามารถระบุได้ง่าย ด้วยความช่วยเหลือของเทคนิคที่ทันสมัยนี้ ทีม VAR จะสามารถรับรู้สถานการณ์ล้ำหน้าได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความลื่นไหลของเกมและความสม่ำเสมอในการตัดสิน

แหล่งอ้างอิง:

https://sportsbrief.com/football/real-madrid/21589-uefa-super-cup-offside-technology-feature-final-real-madrid-eintracht-frankfurt/